ป ชวนชิม : Suhring : ร้านอาหาร fine dining สัญชาติ เยอรมัน การันตีด้วย 2 ดาวมิชลิน ฟินๆประทับใจ!
มาเก็บดาวกันต่อค่ะคุณ อิชั้นจองไปประมาณเดือนนึงล่วงหน้ากันเหนียว และแล้ววันนั้นก็มาถึง ได้ email confirm หนึ่งฉบับมาก่อน หลังจากนั้น ก่อนวันจริงวันนึง มีโทรเข้ามือถือ เป็นฝรั่งโทรมา ทำเอาอิชั้นตกใจ นึกว่า research ที่ทำกะฝรั่งอยู่มีปัญหา ที่ไหนได้ 555 ร้าน suhring โทรมา confirm และถามว่าเราแพ้อะไรมั้ย อิอิ ตกจายหมดเลย !
อันนี้คุณเชฟมายืนเซย์เฮลโหลหน้าร้านเลย
สถานที่ และการบริการ – ขอพูดอันนี้ควบกันไปเลย ร้านปรับปรุงจากบ้านหลังเล็กในซอยเย็นอากาศ ถนนแคบหน่อย ร้านไกลรถไฟฟ้า ได้ข่าวว่าที่จอดรถมีแค่สี่ห้าคัน แต่เค้าใช้ระบบ valet parking เจ้าหน้าที่เยอะมากบริการดี๊ดีตั้งแต่หน้าร้านยันหลังร้าน ตัวร้านน่ารักมาก น่าอยู่ ต้นไม้ครึ้ม ที่สำคัญ คุณเชฟฝาแฝด เดินออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ว้าย ได้ใจสุดๆ แต่อิชั้นแยกไม่ออกว่าคนไหนเป็นคนไหนฮ่ะ เซย์เฮลโลไปโลด ตกแต่งร้านสวยดี เหมือนบ้านในต่างประเทศ ยังกะไม่อยู่กรุงเทพ พนักงานต้อนรับฝรั่งเกือบ 100% มีคนนึงพูดไทย แต่น่าจะเป็นฝรั่งเช่นกัน ชอบร้านมากนะ เสียแค่การเดินทางลำบาก ต้องใจรักจริงถึงมา แต่ร้านนี้อยู่ได้แน่นอน ลูกค้าเต็มร้านเลย แถมมารอกันแต่ไก่โห่ก่อนร้านเปิด เช่นเดียวกะชั้น 55 ตื่นเต้นกลัวพลาดคิวแล้วโดนตัดอะฮ่ะ สถานที่ให้ 8 ตัดคะแนนการเดินทางและจอดรถ ไม่ชอบ valet parking น่าจะหาพื้นที่จอดแล้วนั่งรถมาส่งแบบ souffle & me ก็ได้ อ้อ หักคะแนนแสงไฟในร้านด้วย ไฟเหลือง ชั้นถ่ายรูปเหลืองหมดเลย ฮือๆ สายถ่าย food มีเคือง ส่วนการบริการ แทบจะอุ้มเข้าร้าน เจ้าหน้าที่ welcome สุดชีวิต ทุกจานจะมีเจ้าหน้าที่เวียนวนมาอธิบายรายละเอียดที่มาและประวัติของเมนูนั้น ฟังไม่ทัน ยาวเหยียดมาก แต่รู้อยู่แล้วว่าร้านมิชลินทุกร้านจะมีเรื่องราว อิชั้นเลยถือไอแพดคู่ใจไปจดๆๆๆๆฮ่ะ คิดว่าคราวหน้าจะอัดเสียงดีกว่า ก็แต่ละจานโคตร complicate ในการปรุง ร้านนี้ที่โดดเด่นอีกอันคือ มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ และใส่ใจกับสิ่งละอันพันละน้อย เช่น หนังสือสูตรอาหารที่จดด้วยมือ สุดคลาสสิก ที่มากางตรงหน้าเราประกอบกับจานอาหารจานนั้นเลย หรือ เอามีดโบราณมาให้ลูกค้าเลือกด้ามที่ทำจากไม้สายพันธุ์ต่างกัน ขอเล่าอีกๆ บริกรทุกคนหน้าตาดีม๊ากกก บริการดีโคตร จะมีคนคอยเฝ้าเราเลย กินเสร็จปุ้บ เก็บจานปั้บ และเปลี่ยนเซ็ตจานมีดส้อมทันที สุดยอดอะ อ้อๆๆไม่เล่าตอนนี้ไม่ได้.. ตอนเซ็ตขนมปังนี่ คุณเชฟถือจานมาเสิร์ฟเองและเล่าเรื่องเองเลยแหละ กรี้ดสลบ (แม้คุณเชฟจะมีสีหน้าไร้อารมณ์นิดๆ แกน่าจะเหนื่อยโคตร) เนื่องจากชั้นมาเดี่ยว เลยได้ที่นั่งตรงหน้าครัว ได้อารมณ์มาก คุณเชฟเดินผ่านไปมาสบตาหลายครั้ง อยากเข้าไปทำอาหารมั่งเลย ดูสนุกอะ บริการ 20/10 ที่สุดของแจ้
อาหาร – เมนูบนโต๊ะ เก๋เท่ แต่อ่านไม่ออก เป็นตัวเขียนงามๆ ที่เล็กม๊ากกก ควรเอาแว่นขยายมาด้วย แต่สามารถหยิบเมนูกลับบ้านได้
ด
ินเนอร์เซ็ตจะประกอบด้วย 12 courses แบ่งตามกลุ่มอาหารเป็น 3 chapters ทุกคนกินเหมือนกัน เลือก wine pairing ได้ แต่ชั้นแพ้เหล้า เลยสั่ง mocktail แทน เป็นน้ำลิ้นจี่มะนาวไม่ใส่วอดก้า รสเปรี้ยวหวานชื่นใจ ตรงปากแก้วโรยน้ำตาลอร่อยๆด้วย
เมนูแรก – Pretzel & obatzda
เป็นเพรซเซลร้อนๆนุ่มใน นอกหนึบเกรียมนิดๆ รสเค็มปะแล่มๆ มีเนยนุ๊มๆเนียนๆให้จิ้มที่โรยแดงๆบน soft bavarian cheese ถ้าฟังไม่ผิดเป็นผงชิลลี่ มาคู่กับเบียร์เยอรมันแก้วเล็กที่ด้านบนเป็นฟองเลมอน ฮ่วย อร่อยโฮก ทขนาดไม่กินเบียร์ แต่อันนี้เป็นเบียร์ที่อร่อยมากเข้ากันกะฟองมะนาวด้านบนสุดๆ กลับออกไปชั้นไปดวดเบียร์และบีบมะนาวใส่ดีกว่า
เมนูสอง – Sturgeon & buttermilk อันนี้มาแบบกล่อง mystery box ตอนเสิร์ฟกล่องเปิดออกเห็นเมนูนี้ด้านใน ปลาเสตอเจียนสดๆหวานๆที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ buttermilk นุ่มๆเยิ้มๆ อร่อยอีกละ
เมนูสาม – Artic char & horseradish คำแรกนี่ชั้นว่าเขียนผิด (มั้ย) น่าจะ Arctic char ซึ่งเป็นปลาหายากตระกูลแซลมอน ที่กำเนิดแถวแคนาดา เคยกินทีนึงที่ร้าน Robuchon มิชลินสตาร์ที่ตึกมหานครน่ะ ส่วนไอ้ตัว horseradish เป็นพืชเส้นไยสูงไขมันต่ำ และมีคุณสมบัติลดปวดได้ด้วย 55 รู้แค่นี้ มาแบบกระทงทอง ต้องกินคำเดียวไปเลย ปรุงได้มันกลมกล่อมอร่อยมาก เกลียดผักยังกินเรียบ
เมนูสี่ – Chicken salad อันนี้วางปุ๊บร้องว้าวเลย unexpected รูปลักษณ์ลืมไปได้เลยว่ามันคือสลัด แต่มันใช่ค่ะคุณ มาแบบทาร์ตกรอบกรุบอันเล็กๆ มีโดมสีเขียวที่เป็นน้ำสลัดผสมเห็ด ผักเรียบร้อยด้านบน กัดแล้วน้ำในแตก ฟินนนอะ มีไก่นุ่มๆอยู่ด้านล่าง เกลียดผักอย่างชั้น love เลย
เมนูห้า – Duck liver & bucteln เป็นตับบดเนียนม๊ากนุ่มมาก มันๆเค็มนิดๆอร่อยอะ ส่วนด้านล่างเป็น wine รสหวานๆ อร่อยดี ไม่กล้ากินเยอะกลัวแพ้ล้มคว่ำไป ยังต้องรอกินอีกหลายคอร์ส กลัวพลาดฮ่ะ 55
จบ chapter 1 ขึ้น chapter 2
เมนูหก – Labskaus อันนี้ถ้าเคยไปเยอรมันจะได้อารมณ์มาก เพราะมันเป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองฮัมบูร์ก หน้าตาจริงประมาณว่าเหมือนข้าวราดกระเพราไข่ดาวน่ะ อันนี้ชั้นเรียกเอง 55 ที่จริงคือ เนื้อหมักเกลือฝรั่ง บีทรูท แล้วโปะไข่ดาวฟองนึง เขาว่ากันว่ากินกะปลาจะดีงามสุด อันนี้คุณเชฟวางปลาดองไว้ด้านบน เปรี้ยวนิดๆกำลังงาม topping ด้วยคาร์เวียร์ด้วยฮ่ะ ดูของคุณเชฟทำมาสิ หน้าตาโมเดิร์นละเมียดละไมจริงๆ รสชาติเยี่ยมฮ่ะ อิชั้นชอบ
เมนูเจ็ด – Brotzeit for sharing ฮ่า ไม่นะ จะกินเดี่ยวไม่แบ่งใคร เป็น rustic sourdough สูตรเก่าแก่ของคุณเชฟที่หมักยีสต์ปีนึง แล้วเอามาทำขนมปังสดๆตรงนั้น bake บน open fire ชั้นเห็นอยู่ตรงหน้าเพราะนั่งเคาน์เตอร์หน้าครัว เสิร์ฟพร้อม cold cut ในที่นี้เป็น salami
ิกินคู่ชีสผสม มันหมู กับแตงกวาดองในขวดโหล ฮ่วย อันนี้กินไปร้องหูยๆ ขนมปังหอมนุ่มหนึบอร่อยมาก เข้ากันกับเครื่องเคียงสุดๆ แถมคุณเชฟมายืนอธิบายตรงหน้า หน้าชิดๆกันเลย สยิวกิ้วนิดๆ เชฟขาไม่ต้องกลัว ป้าแก่แล้ว 55
เมนูแปด – Crayfish & heirloom tomato สลัดมะเขือเทศ อันนี้คุณน้องบริกรเล่าว่าเป็นสูตรของคุณยายเชฟ เชฟประทับใจในวัยเด็กเลยเอาเมนูนี้มาขึ้นหิ้งด้วย ใส่ lobster น้ำจืดมาด้วย อันนี้สลัดคุณยายจืดๆไปนิด ผักสดกรอบได้ใจ
เมนูเก้า – Spatzle – soft egg noodle พ้าต้าไข่ที่คุณเชฟทำเอง ผัดกับครีมชีส และ เห็ด Chanterelle ที่เป็นเห็ดป่ามีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ อันนี้เข้มข้นมาก รสดี แต่แอบเลี่ยน เริ่มอิ่มแล้วละสิ
ก่อนเสิร์ฟจานหลัก บริกรเอามีดมาให้เลือก เลือกด้ามนะ ความคมเหมือนกัน แหม่ อุตส่าห์ถามน้องว่าอันไหนคมสุด มีกลิ่นหอมด้วยมั้ย 55
เปลี่ยนจานมีดยกเซ็ต
มาๆ เมนูหลัก
เมนูสิบ – เมนดิชมาแย้ววว Duck aged for 7 days/ broccolo/hazelnut เนื้อเป็ดนุ่มเลอค่ามากๆ เอ๊าะๆจริงๆ ซอสอร่อย แต่น้อยไปนิด อยากได้ซอสเพิ่มเยอะๆเอาแบบนองจานเลยน่ะ ตัวผักทำมาหลากหลาย texture และมีกลิ่นอโรม่าหอมๆด้วย ใส่ใจในรายละเอียดจริงจัง
จบ chapter 2 ขึ้น chapter สุดท้าย ใจหายๆ แต่ยังตื่นตาตื่นใจอยู่
เมนูสิบเอ็ด – gin & tonic ไอศกรีมโทนิคที่ผสานกับบัตเตอร์ครีม Cucumber-Infused Gin ใส่มะนาว ไอติมเป็นแบบ sorbet โคตรอร่อยเลย มีเนื้อ jelly เป็นชิ้นๆผสม ตัวเจลลี่จืดๆหน่อย กินเข้าไปมีความกรุบๆเหมือนน้ำตาลชิ้นเล็กๆร่วมด้วย อร่อย เย็นชื่นใจ ได้รสเปรี้ยวตัดหวาน อยากได้อีกจาน
เมนูสิบสอง – apple & quark ไอศครีมโฮมเมดวนิลา ใส่ แอปเปิ้ล marinated เย็นๆฉ่ำๆไม่หวานมาก ตัวเบสไอศครีมมีความ crispy แทรกๆอยู่ และครีมเนยนุ่มละมุนข้างบน นวลเนียนละลายในปาก ไม่หวานเว่อร์ ประทับใจอีกแล้วครับท่าน
เมนูสิบสาม – sussigkeitenbox & omas eierlikor ชื่อยากม๊ากกก คือกล่องขนมหวานของคุณเชฟนั่นเอง มีให้เลือก กล่องใส่ลิ้นชักมากมาย เป็นพวกช็อคโกเลตต่างๆ มาตรฐานนะ เป็นมาชเมลโล่ 2 แบบ สีมาตรฐาน กับสีส้ม รสเหมือนส้มปนมะนาว กับอันที่เป็นช็อคโกเลตขาว ในนุ่ม melt เลยแหละ อันที่เป็นชั้นๆอร่อยที่สุดหอมม๊ากก นอกนั้นจำได้แค่อร่อย 55 กินจนมึนเลยอะ
เมนู complimentary จากเชฟ
Eggnog : ปกติเมนูนี้เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมเป็น dairy product เฉลองในเทศการคริสต์มาสปีใหม่ หรือ thanks giving ประกอบด้วยนม ครีม น้ำตาล และ ไข่ขาว อันนี้เป็น version ใส่เหล้าว็อดก้า มานำเสนอพร้อมหนังสือเก่าที่มีลายมือเขียนสูตรลับไว้ แหม เก๋ฮ่ะ กินไปได้อรรถรสเพิ่ม อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ไม่กล้ากระดกพรวด เดี๋ยวแพ้หงายหลังผึ่งไป กระโปรงเปิด แย่เลย
เมนู 14 ตบท้ายด้วย กาแฟสั่งเป็นคาปูชิโนไปฮ่ะ หอม เข้มข้นกลางๆ ฟองนมดี๊ดี นุ่มละมุน โดนๆ
รวมอาหารรสชาติดี เหมือนได้ท่องเที่ยวชิมอาหารทั่วประเทศเยอรมัน และมีแก๊กทีาประวัติศาสตร์และที่มาที่ไปของอาหาร พิถีพิถัน บริการได้ใจ บวกๆกันเลยเทใจให้ 9.5 ประทับใจจอร์จฮ่ะ ถ้าเป็นคนกินเหล้าได้น่าจะเลิฟสุดๆ
ราคา – แรงตามสไตล์มิชลินสองดาว เทียบกับสองดาวร้านอื่นเรียกว่ามาตรฐานนะ คอร์สนี้ 4400 บาทฮ่ะ ให้ 8